News Update!!

News Update!! ข่าวสารประชาสัมพันธ์!!
- Lanta Riders Web board Update new topic!
Click here!
.................................................................................
- Photos Update! : Hat Yai Bike Week #5 @ 8-9 July 2011
.................................................................................
- ข่าวประชาสัมพันธ์ การชำระภาษีสรรพสามิตรถจักรยานยนต์จาก กรมสรรพสามิตร!! 27 July 2011 Update!!
.................................................................................
- Go Dive Lanta Opening Season 23rd October 2011 Update!! Here Go Dive Lanta Blog or GDL Face Book

Update!! Phone number!!

Saladan Town: 075.668.320, 075.668.321
Kantaing Bay: 075.665.097, 081.895.8321
.................................................................................
- Join Go Dive Lanta at Facebook

13.4.09

เก็บตก Phuket Bike Week 10-12 April 2009 (Part 1)

งานนี้จะว่าไปแล้วก็ขลุกขลักพอสมควร และก็เป็นทริปที่เหนื่อยโค ตะ ระ เลยทีเดียวค่ะ ซึ่งก็มีเหตุมีผลว่า
ทำไมถึงเหนื่อยกันมากมาย แต่อย่างหนึ่งที่ยังรู้สึกดีคือการได้ขี่มอเตอร์ไซค์ มันก็ยังเป็นเรื่องสนุก ตราบที่
เรายังชื่นชอบการสัมผัสกับสายลม ชื่นชมความงามข้างทาง และฟังเสียงกระหึ่มของเจ้าม้าเหล็กคันงาม
(โดยเฉพาะเจ้าม้าน้ำ คันนี้ค่ะ)
แผนการเดินทางถูกกำหนดขึ้น ให้การเดินทางไป Phuket Bike Week ครั้งนี้ ออกเดินทางจากเกาะลันตา
วัน ที่ 9 เมษายน เวลา เจ็ดโมงครึ่ง นัดหมายกันที่ร้านโจ๊กแห่งหนึ่งบนเกาะลันตา... สำหรับทริปนี้ เดินทาง
จาก เกาะลันตา ด้วยจำนวนรถสี่คัน และผู้ร่วมทางจำนวนหกคน แนะนำรถและโฉมหน้าของแต่ละคน ดังนี้ค่ะ

1. Beer (Go Dive Lanta) โก ไดฟ์ เกาะลันตา ควบเจ้าม้าน้ำ Yamaha Virago 750cc.

------------------------------------
2. ดิฉัน น้อง @ Toge' Graphic House ค่ะ ควบคุณเบียร์! เอ้ย!! ม้าน้ำ on back

------------------------------------
3. พี่หนึ่ง @ Bamboo Bar แบมบู บาร์ ควบ Suzuki Intruder 750cc.

------------------------------------
4. พี่กร @ Toge' Graphic House ควบเจ้าสีนิล Honda CB 550cc

------------------------------------
5. พี่เพลง แห่ง เพลง แทตทู "PLENG TATTOO" ควบมดดำ Harley Davidson Sporter 883 และ
6. น้องอุ๊ย ควบอยู่หลังเจ้ามดดำค่ะ


------------------------------------

ทุกครั้งเมื่อมีการเดินทางด้วยเจ้าม้าน้ำ ตัวดิฉันเองมักจะนอนไม่ค่อยหลับในคืนก่อนเดินทาง มันตื่นเต้น
อะค่ะ ผนวกกับทริปนี้คือทริปแรก หลังจากม้าน้ำถูกส่งตัวไปกรุงเทพเป็นเดือน เพื่อให้คุณหมอได้ตรวจ
สภาพที่ม้าน้ำเจ็บออดๆแอดๆกับทริปหลังสุด ที่คุณแฟนดิฉันพาไปเที่ยวภูเก็ตและแว้บไปดูฮาเล่ย์นะหละค่ะ
หลังจากกลับจากกรุงเทพ ม้าน้ำก็อยู่ในสภาพที่ไม่ค่อยดีนัก เนื่องด้วยปัญหาจากการขนส่ง (คุณแฟนเค้า
เลือกขนส่งม้าน้ำด้วยไปรษณีย์ไทยค่ะ) อาการบ่งบอกว่า “ม้าน้ำยังไม่หายป่วย และยังไม่พร้อมสำหรับ
การเดินทาง” คุณแฟนเลยตีตั๋วรถทัวร์ให้คุณหมอลงมาดูสภาพม้าน้ำกันที่เกาะลันตา และคุณหมอก็อยู่กับ
ม้าน้ำสองวันสองคืน จนในที่สุด....ม้าน้ำก็หายเป็นปกติดีทุกประการ และพร้อมจะควบทะยานไปทุกที่ที่เรา
ต้องการค่ะ

เจ็ดโมงยี่สิบวันที่ 9 เมษา ดิฉันกับคุณแฟนก็ไปรออยู่ที่ร้านโจ๊กอยู่ก่อนแล้ว โจ๊กและข้าวมันไก่ ถูกจัดออกมาเสิร์ฟ ฉันก็ละเลียดโจ๊กในจาน พร้อมกับกาแฟดำร้อนๆ เพื่อดับหิวและแก้ง่วง แต่หากคุณแฟนยังไม่ทันได้กินก็ขอตัวไปดูพี่กรและมอเตอร์ไซค์ของพี่กรว่าอยู่ในสภาพร้อมดีหรือเปล่า หายไปสักพักใหญ่ๆ พี่เพลงและอุ๊ย
ก็เดินทางมาถึง สั่งข้าวหมกไก่กินกันคนละจาน สักพัก พี่เพลงก็ขอตัวไปดูมอเตอร์ไซค์พี่กรด้วยอีกคน.....
ทิ้งให้สองสิงห์สาว นั่งตบแมงวันแก้เซ็ง... จนกระทั่ง รู้ผลว่า รถพี่กรแบตมันหมด ต้องเอาไปชาร์ตแบตอย่าง
ด่วน!! ในระหว่างรอ เราก็คุยนัดแนะกันใหม่ว่า กลับบ้านไปตีข้าศึกก่อน และนอนเล่นไปพลางๆ ระหว่างรอ
รถพี่กรชาร์ตแบตจนเต็ม ก็ด้วยเพราะฤกษ์ดีที่คิดไว้ว่าจะออกจากลันตาสักแปดโมง เลยมีอันต้องเลื่อน
ดิฉันเองก็กลั๊ว กลัวค่ะ กลัวฝนจะตกระหว่างทางและจะพาลเจออุบัติเหตุ เลยต้องยกของ (สิ่งศักด์สิทธิ์ที่
พกติดตัว) ขึ้นเหนือหัว พนมมือและขอภาวนาให้การเดินทางโดยสวัสดิภาพทุกคน...ไม่เชื่ออย่าลบหลู่นะค่ะ
ในเมื่อ เนื้อเราไม่ได้หุ้มเหล็ก กับความเร็วขนาดนั่น แม้จะเซฟตี้กับเสื้อตัวหนาและหมวกกันน๊อกแล้ว หาก
พลาดแม้ เสี้ยววินาที หมายถึงชีวิตและความสูญเสียค่ะ ดิฉันเลยต้องเสาะหาของดี มาติดตัว ใครจะว่าไม่
เข้าเรื่องก็ไม่ สนใจหรอกค้า เราทำแล้วเราสบายใจก็เพียงพอแล้ว...

สิบโมงครึ่ง เราจึงเคลื่อนพลคาราวานบิ๊กไบค์ ออกเดินทางจากหน้า
ออฟฟิศดิฉัน เดินทางมุ่งหน้ากันไป ภูเก็ตกันพร้อมเพรียง


ถ่ายรูปกันหน้าออฟฟิศโทเก้ ก่อนเดินทางค่ะ จากนั่นต่างคนต่างควบ
พาหนะของตัวเอง พาขึ้นแพขนานยนต์ของเกาะลันตา ก่อนเดินทาง
อากาศดีค่ะ แต่แอบเห็นก้อนเมฆทะมึนอยู่ไกลๆ






ภาพบรรยากาศระหว่างบนแพขนานยนต์...

เมื่อข้ามครบสองแพ บนถนนว่างๆ ทุกคนก็ควบม้าเหล็กกันอย่างเต็มสปีดค่ะ แต่คุณแฟนขี่อย่างเรื่อยๆ
เพราะกังวลพี่กร ซึ่งสภาพรถจะเลวร้ายกว่าทุกคน ว่าจะไม่ไหว จึงขับรถแบบพยุงกันไปเรื่อยๆ .....ม้าน้ำ
มีแอบตะคอกนะค่ะ เพราะคุณเธอเกิดมาพร้อมกับสายฟ้าลั่นและความเร็ว จึงออกอาการไอแค่กๆ เมื่อไหร่ที่
คุณแฟนควบม้าน้ำอย่างเชื่องช้า จนพ่อมันก็หน้าเสียไปเหมือนกัน กลัวลูกมันจะดื้อ แล้วจะไปไม่ถึงภูเก็ตกัน
พอดี... แล้วก็อย่างคาดค่ะ ถึงเมืองกระบี่ สายฝนก็โปรยปรายลงมายังกะฟ้ารั่ว ทั้งรถทั้งคนจึงต้องหาที่
พักกันจ้าระหวั่น แต่ก็คะเนกัน (อย่างผิดๆ)แล้วว่า รอจนฝนซาสักกะนิดและไปต่อดีกว่า หาซื้อเสื้อฝนใน
เมืองกระบี่ ใส่และขี่ต่อไป ด้วยเพราะเราคิด (แบบผิดๆ) กันว่า ข้างหน้าอาจจะไม่ค่อยหนักก็เป็นได้ สรุปว่า
เราคิดผิด ฝนคราวนี้มันตกข้ามจังหวัดเลยค่ะ ตกตลอดทางที่เราไป พังงาเอย ภูเก็ตเอย ก้อนึกในแง่ดีซะว่า
ฟ้าให้พรละกันค่ะ แต่แกคงลืมตัว ก็ให้หนักไปนิดส์หนึ่งค่ะ

ก่อนเส้นเข้าภูเก็ต ถนนเส้นนี้ กำลังก่อสร้างเป็นสี่เลน สองข้างทางจึงเต็มไปด้วยดินโคลนแฉะๆ...
ก่อนทุกคน ออกตัว เราจึงคุยนัดแนะที่นัดพบกันสถานีหน้าว่าจะเจอกันที่ไหน หลังจากตกลงกันได้
ทุกคนจึงขับฝ่าสาย ฝนไปข้างหน้า แต่อ้าว...เจ้าม้าน้ำออกอาการค้างและกระตุก และก็ "ชิ..หายแล้ว...."
เสียงคุณแฟนตะโกนดัง ออกมายิ่งกว่าเสียงฝน เหนือมือที่จับครัชของคุณแฟน มีสายครัชขาดวิ่นโผล่โด่
ขึ้นมา ... พี่หนึ่งที่ขณะนั่น อยู่ใกล้สุด เห็นสายครัชที่ขาดวิ่นของม้าน้ำนั่นแล้ว จึงตัดสินใจควบทะยานวิ่งตาม
ไปบอกเพื่อนข้างหน้าให้ คอยอยู่ก่อน ... ส่วนม้าน้ำผู้เปียกปอน และคุณแฟนซึ่งเปียกโชกไปทั้งตัว อยู่ใน
สภาพที่ "หมดหนทาง" และ "สิ้นหวัง" ...คุณแฟนนิ่งไปพักใหญ่ ดิฉันเองก็อึ้ง ทำตัวไม่ถูก (เพราะซ้อนเค้า
เป็นอย่างเดียว) แต่หลังจาก ตั้งสติได้ ดิฉันก็ตะโกนถามน้องผู้หญิงในบ้านซึ่งยืนดูเราสองคนและหนึ่งคันใน
สภาพเหมือนสุนัขตกน้ำ ว่า " มีร้านซ่อมมอไซค์แถวนี้ไม๊ค่ะ " น้องเค้าก็ชี้มือไปด้านหน้า และบอกว่า "อยู่
ตรงโค้งนะหละพี่ " .... หุหุ !!!! คุณขา...ดูแล้วไม่ไกลนะคะ ประมาณสองร้อยเมตรค่ะ แต่ม้าน้ำมันไม่ใช่เด็กๆ
แล้วนะคะ ปกติต้องใช้คนสี่คน ว่า "เอาเหอะ เข็นไปถึงร้าน ใกล้นิดเดียวเอง" คุณแฟนมองหน้าดิฉัน (คงซึ้ง
ใจอะค่ะ หุหุ) คุณแฟนจึงเข็นม้า น้ำไป โดยมีดิฉันเดินตามไปอย่างให้กำลังใจ จนคุณแฟนคงหมั่นใส้ค่ะ
เห็นดิฉันเดินสบายไป เลยตะโกนบอกว่า "ช่วยดันตูดรถหน่อยซิ (โว้ย) !!! อ๋อค่ะ สบายไปหน่อย ก้อเลยช่วย
เค้าดันนิดส์หนึ่ง หุหุ.. ; )

ระหว่างที่เข็นม้าน้ำไปร้านซ่อม มีรถเก๋งแดง ขับและแวะจอดดักด้านหน้า ดิฉันก็แอบกลัวค่ะ ก้อบรรยากาศ
แบบนั่น ก็ไม่แน่ใจอะไรเลย และก็มีพี่ผู้ชายคนหนึ่งลงมาจากรถ และเอ่ยถามดิฉันและพี่เบียร์ว่า "รถเป็นไร
ไหมครับ ให้ช่วยไหม" เราจึงบอกไม่เป็นไรกะลังจะเข็นไปร้านซ่อม ถามไปก็จึงรู้ว่า พี่แกมาจากยะลา กำลัง
จะไปงานบิ๊กไบค์ที่ภูเก็ตเหมือนกัน (แกใส่เสื้อยืดลายบิ๊กไบค์ภูเก็ตด้วยค่ะ) แกถามย้ำอีกครั้งค่ะ ว่าไปได้แน่
นะ จะให้แกช่วยไหม เราจึงกล่าวขอบใจแกยกใหญ่ สิ่งนี้ทำให้เราตระหนักค่ะ ว่าในวิกฤติแบบนี้ แต่เรากลับ
ได้เห็นน้ำใจคนที่เค้าไม่ได้เป็นญาติพี่น้องหรืออะไรกับเรา เห็นความเอื้อเฟื้อที่หาได้ยากยิ่งนักในสังคมไทย
ในเวลานี้ ถือว่าทริปนี้ เป็นทริปที่พบแต่น้ำใจคนและความประทับใจตลอดทางค่ะ ... และในที่สุดม้าน้ำก็ถึง
ร้านซ่อม ...


ร้านซ่อมรถใจดี มีรถเก่าด้วย ที่เห็นแน่ๆ "BSA" จอดรอลูกสูบอยู่...
ใส่หัวต่อสายครัช
ลุงคนนี้ ก็อีกคนที่ใจดีค่ะ กุลีกุจอทำให้อย่างดี ค่าเสียหายก็จ่ายแค่ 40 บาท (ค่าเชื่อมและค่าหัว)

ตอนที่ดิฉันยกกล้องมาถ่ายรูปม้าน้ำ แกก็ถามดิฉันว่า กล้องถ่ายรูปอย่างนี้ แพงไหม..
" ก็สี่ห้าพันเองลุง ไม่แพงหรอก" ....
" เออ ลุงจะซื้อสักตัว ไว้ถ่ายพวกที่มาซ่อมรถกับลุง และไม่ยอมจ่ายตังค์ มันจะได้อาย"...ลุงว่า
" โอ้ย ลุง จะซื้อทำไมกล้องอะ อย่างเนี่ย ลุงต้องซื้อปืน จะได้เอาไว้ขู่ เวลาพวกไม่จ่ายตังค์อะ"
...อีน้องแนะแบบเลวๆ"
ไม่ได้หรอก มันแรงไป พวกมันยังเด็กอยู่เลย ยังเรียนหนังสืออยู่ เวลามาซ่อมที่ลุง และบอกไม่มีตังค์ ลุงก็ว่า
ค่อยเอามาจ่าย แต่มันก็ไม่มาจ่ายสักที หลายรายแล้ว แต่ลุงก็สงสารพวกมันนะ นึกถึงเราตอนเด็กๆไม่มีตังค์
อะ เลยไม่อยากทวง"
...สาวสิงห์แอบเลวอย่างอีน้อง ฟังแล้วก็แอบค้อนคุณลุงแบบพองาม ก็แหม ดูซิ แกใจ
ดีจริงๆอะค่ะ

เมื่อครัชม้าน้ำได้ทำการเชื่อมต่อโดยสมบูรณ์ คุณแฟนก็ยิ้มหน้าแฉ่ง ยิ่งกว่ากะละมังไซส์ XL อีกค่ะ ได้ควบ
ม้าน้ำ ลองเหยียบ ลองบีบดู เมื่อโอเค ดิฉันกับคุณแฟนกราบคุณลุงงามๆและเดินทางไปยังเป้าหมายของเรา ต่อไป...

เราถึงภูเก็ตประมาณหกโมงเย็นค่ะ ถือว่าเป็นทริปที่ยาวไป เพราะด้วยฝนบ้าง รถมีปัญหาบ้าง และบิดกันไม่
ได้ความเร็วกันสักเท่าไหร่ พอลงจากเขา กำลังจะเข้าหาดป่าตอง จู่ๆ รถพี่กรก็ดับไปเฉยๆอีกคัน ปรากฎว่า
น้ำมันหมด เพราะสายน้ำมันรั่ว (หากเรียกผิดก็ขออภัยค่ะ) อย่างที่บอกตอนแรก รถพี่กรจะมีปัญหาจุบจิบ
เยอะ สุด เพราะเพิ่งจะได้มาใหม่ (แต่มีทะเบียน) และไม่เคยลองที่ไหนมาก่อน การได้วิ่งยาวๆแบบนี้
ทำให้เห็น ปัญหาต่างๆ ที่เจ้าของคงต้องหาทางซ่อมแซมและแก้ไขต่อไป พี่กรจึงต้องวิ่งหาน้ำมันมาเติมรถ
เพื่อพาให้ถึงโรงแรมก่อน เราพักกันที่ Bel Air Patong ค่ะ www.belairepatong.com .... กว่าพวก
เราจะถึงที่พักก็ประมาณหนึ่งทุ่ม ถึงภูเก็ตตอนนั้น ฝนหยุดไปแล้ว แต่ทั้งรถและคน สภาพไม่ต่างกันเลย
คือดูไม่ได้เลยคะ .... หลังจากเช็กอินก็แยกย้ายกันห้องใครห้องมัน และนัดเจอกันอีกหนึ่งชั่วโมงข้างหน้า
เพื่อสำรวจป่าตอง และสถานที่จัดงานบิ๊กไบค์ในแบบฉบับ Lanta Riders Club




อาบน้ำอาบท่าแล้ว ก็ออกมาเดินดูป่าตองยามค่ำคืน คึกคักดีค่ะ เราเดินไปดูที่จังซีลอน ซึ่งคือหนึ่งในสถาน
ที่จัดงานพรุ่งนี้ .....งานภูเก็ต ไบค์ วีค จัดวันที่ 10-12 เมษายนค่ะ แต่เรามาก่อนวันหนึ่ง เพราะคิดว่า รถคง
ไม่เยอะมาก ก็อย่างนั่นจริงๆค่ะ เพราะ bikers จากมาเลเซีย หาดใหญ่ หรือที่อื่น ส่วนใหญ่จะเดินทางกันมา
วันที่ 10 ซึ่งจะทำให้ถนนเส้นป่าตองเต็มแน่นไปด้วยบิ๊กไบค์ ซึ่งเราคิดว่าคงไม่สนุกอะค่ะหากต้องขับเบียด
และหลบคันโน้นที คันนี้ที...เอาแบบขับคล่องๆ สบายๆดีกว่าค่ะ ...

จบวันนี้ไป ด้วยความเหนื่อยอ่อน และเพลียกันไปทั้งรถทั้งคน พี่เพลงต้องโด๊ปยาแก้ไข้ก่อนนอน เพราะตาก
ฝนมาตลอดทาง อีน้องต้องโด็ปเบียร์ก่อนนอนแก้เมื่อย ... ก่อนเข้านอนคืนนี้ หนุ่มๆจึงนัดแนะกันตื่นเช้ามาดู
และช่วยกันซ่อมรถพี่กรให้มีสภาพพร้อมที่จะไปอวดโฉมกันในงานบิ๊กไบค์ ในวันพรุ่งนี้ ....แล้วเจอกัน


Written & Photos by Nong @ To-Ge' Graphic House - Ko Lanta

2 comments:

lekz said...

ชอบครับ...เขียนได้สนุกดี
11-12 เม.ย. ผมไปพักที่เกาะยาวน้อย จ.กระบี่มา
ถ้ามีโอกาส อยากไปเกาะลันตาครับ

เล็ก ระยองไรเดอร์

CoreBeer said...

ขอบคุณครับ คุณเล็ก โอกาสหน้าเชิญมาเที่ยวเกะลันตานะครับ

Fisherman's Cottage 10th Year

Fisherman's Cottage 10th Year
Fisherman's Cottage: Beach Bungalows with Style Set on an idylic palm fringed beach, 'fisherman's cottage' is a contempory spin on a traditional theme. The spacious land is home to 11 beatifully unique bungalows. Each has an en-suite bathroom, with shower and toilet, 24hr electric supply and fan aswell as a gorgeous sea view and has been designed with your comfort in mind.

La ๐ Laanta Hideaway Resort

La ๐ Laanta Hideaway Resort
"Artistically inspired living on the most private beach for that castaway experience" Lalaanta is situated at Ao Mai Phai or Bamboo Beach and is the very last resort on Koh Lanta Yai, just before the National Park. It offers unrivalled privacy on the most quiet and private beach. With its design and architecture artistically inspired with modern amenities, rest assured that your stay will be comfortable as well as one that you will remember fondly of even after you had returned home. Lalaanta is simply the perfect hideaway destination.

Welcome all riders

Welcome all to Ko LANTA RIDERs blog.
Discover your experience and new friends on track today!
----------------------------------------------